พิพิธภัณฑ์พระเทพญาณโมลี ตั้งอยู่ในสถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ก่อตั้งขึ้นด้วยการเก็บรวบรวมศิลปวัตถุและโบราณวัตถุของพระเทพญาณโมลี (เกตุ ธรรมรัชชะ) เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร จังหวัดปัตตานี โดยท่านได้บริจาคทุนทรัพย์ และโบราณวัตถุให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เช่น เหรียญตรา ธนบัตร เครื่องถ้วย พระพุทธรูป เทวรูป พระเครื่อง และเครื่องใช้ส่วนตัวของพระเทพญาณโมลี
คำสำคัญ พระราชาคณะหรือพระครูฝ่ายวิปัสสนาธุระ (วิ.) หมายถึงพระราชาคณะที่มุ่งประพฤติ หรือทรงคุณวิเศษทางด้านเจริญวิปัสสนากรรมฐานซึ่งต่างจากพระราชาคณะทั่วไป
คุณภัทรมาส เล่าถึงประวัติ พระธรรมโมลี ซึ่งชื่อเดิมของท่านคือ เกตุ ธรรมรัชชะ อยู่บ้านเลขที่ 2 ถนนยะหริ่ง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของนายเฉ่งเซ่ง ธรรมรัชชะและนางโบ้ยเลี่ยน ธรรมรัชชะ เมื่ออายุ 10 ปี เข้าเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนมหาวชิราวุธสงขลา เป็นรุ่นแรกและศึกษาอยู่จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากนั้นอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2460 ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจังและสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค แต่งตั้งสมณศักดิ์ เป็นราชาคณะชั้นธรรม “พระธรรมโมลี” อีกทั้งได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดตานีนรสโมสร จังหวัดปัตตานี เป็นเจ้าคณะอำเภอและเจ้าคณะจังหวัด จนถึงปี พ.ศ. 2534 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพญาณโมลี ธรรมวาทีสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี ท่านได้ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2540 สิริรวมอายุได้ 100 ปี 6 เดือน 22 วัน
พระธรรมโมลียังได้จัดตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทยเป็นแห่งแรกในจังหวัดปัตตานี เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวไทยมุสลิมได้รู้หนังสือไทย และจัดตั้งโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ โดยให้นักเรียนและประชาชนทั่วไปได้ศึกษาพระพุทธศาสนาตามความสนใจและโดยความสมัครใจ เปิดสอนที่วัดกลาง หรือวัดตานีนรสโมสรในปัจจุบัน
พระธรรมโมลี ซึ่งเป็นผู้มอบเงินให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จำนวนเงิน 2,000,000 บาท โดยมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคสมทบอีก 2,000,000 บาท ได้มอบงวัตถุโบราณและศิลปวัตถุต่างๆ ที่พระธรรมโมลีได้เก็บสะสมไว้ เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระเทพญาณโมลี ซึ่งมีการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีขาล ตรงกับวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 และทำพิธีเปิดเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2531 โดย ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี
คุณภัทรมาส เล่าว่า พิพิธภัณฑ์พระเทพญาณโมลี ภายในตัวอาคารมี 2 ชั้น กรมศิลปากรเป็นคนเขียนแบบ ภายในอาคารจะมี 3 ห้อง ชั้นแรก ขวามือจะเป็นห้องเหรียญตราและธนบัตร ด้านซ้ายมือจะเป็นห้องเครื่องถ้วย เก็บสะสมเครื่องถ้วยไทย เครื่องถ้วยจีน เครื่องถ้วยยุโรป และชั้นด้านบนจะเก็บรวบรมพระพุทธรูป เทวรูป พระเครื่อง และเครื่องใช้ส่วนตัวของพระเทพญาณโมลี เป็นที่เก็บพัดยศพระราชาคณะ ชั้นธรรมฝ่ายวิปัสสนาธุระ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพัดยศแด่พระสงฆ์ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ ซึ่งความพิเศษของพัดยศนี้ก็คือเป็นพัดงาสาน มีลักษณะเป็นพัดหน้านางแบบพัดรอง แต่สานด้วยงาช้างที่นำมาทำเป็นเส้นแบนและบางสานกันเป็นพื้นพัด และมีส่วนประกอบอื่น เช่นด้าม ขอบ ยอด และนมพัดซึ่งทำจากงาช้างทั้งหมด
ซึ่งปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังคงอนุรักษ์สภาพแวดล้อมภายในอาคารเป็นเหมือน 30 ปีที่แล้ว หน้าต่างก็ยังคงเดิม เป็นหน้าต่างสมัยโบราณแบบเปิดบานหน้าต่างขึ้นด้านบน โดยหมุนเกียวกลไก โดยให้หน้าต่างทั้ง 4 บานปิดพร้อมกัน ตู้โชว์ทุกตู้ยังคงรักษาแบบเดิมไว้ การว่อมแซ่ม บูรณะสิ่งของในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำการตรวจสอบ 2 ปี 1ครั้ง
คุณภัทรมาสเล่าว่า ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่ทำงานดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีผู้คนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทุกวัน ทั้งนักเรียน นักศึกษา ทั้งในพื้นที่ และ นอกพื้นที่ โดยส่วนมากจะมาเป็นหมู่คณะ สถิติการเข้าชมมากสุด คือ 500 คนต่อวัน

