จุดเริ่มต้นในการเป็นหมอตำแยมาจากการสังเกตคนแถวหมู่บ้านที่เป็นหมอตำแยทำคลอด (บีแด) จึงรู้สึกอยากทำบ้างอีกอย่างตนเองมีความกล้าไม่กลัวเลือดและสิ่งสกปรกต่าง ๆ
นางเจะซง เจะมะ ได้เล่าว่า จุดเริ่มต้นในการเป็นหมอตำแยมาจากการสังเกตคนแถวหมู่บ้านที่เป็นหมอตำแยทำคลอด (บีแด) จึงรู้สึกอยากทำบ้างอีกอย่างตนเองมีความกล้าไม่กลัวเลือดและสิ่งสกปรกต่าง ๆ เจะซงได้บอกอีกว่าหน้าที่ของหมอตำแย เป็นผู้ที่ให้การดูแลแม่และเด็กตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ ช่วงกำลังคลอด และหลังคลอด นางเจะซง ได้เริ่มทำบีเเดมาตั้งแต่อายุประมาณ 30 ปี จนถึงปัจจุบันเป็นที่รู้จักว่าเป็นหมอตำแยที่มีอายุมากที่สุด ผู้มาหาเจะซงไม่ใช้ให้ทำคลอดเพียงอย่างเดียวแต่จะให้เจะซงช่วยตรวจครรภ์ ช่วยจัดท้องให้เรียบร้อยเพื่อให้เด็กในท้องแข็งแรงและคลอดได้ง่ายอีกทั้งยังให้ดูแลการอยู่ไฟหลังคลอดเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้เข้าสู่สภาวะปกติ การรักษานี้จะใช้สมุนไพรพื้นบ้านทั้งหมด นางเจะซง ได้รับเกรียรติบัตรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานีให้เป็นผดุงครรภ์โบราณที่ปฏิบัติงานดีเด่นด้านงานอนามัยแม่และเด็กทุกครั้งที่ทำคลอดเจะซงไม่ได้ระบุเวลาเปิด – ปิด สามารถมาหาเจะซงได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะนางทำด้วยความศรัทธาและบริสุทธิ์ใจ
ความประทับใจผู้ที่มาทำคลอดกับนางเจะซง เจะมะ
นางซารีปะห์ สะแลแม เล่าว่า เหตุผลที่ให้เจะซง ทำคลอดเนื่องจากอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเป็นเพื่อนบ้านกันด้วยสะดวกกับคนคลอดและคนทำคลอด ตนไว้ใจเจะซงเพราะเจะซงดูแลตนตั้งแต่ก่อนคลอดจนถึงหลังคลอดหรือแม้กระทั้งเวลาคลอดลูกคนต่อ ๆ ไปคลอดที่โรงพยาบาลก็จะให้เจะซงมาช่วยดูแลเป็นกำลังใจจนกระทั้งคลอดก็ให้ช่วยดูแลเด็กในระยะแรกคลอดด้วย
นางแอเสาะ เจะเลาะ เล่าว่า สมัยก่อนเวลาจะคลอดก็ให้เจะซงทำคลอดเพราะเป็นเพื่อนบ้านและไว้ใจกันอีกทั้งไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงโรงพยาบาล
นางซีตียาเราะ เจะมะ เล่าว่า สมัยก่อนไม่ค่อยมีหมอทำคลอดจึงให้แม่ทำคลอดเองดีกว่าคลอดที่อื่นเพราะแม่ทำคลอดเองจึงมีความเชื่อใจ ไว้ใจ หลังจากทำคลอดก็ได้อยู่ไฟหลังคลอดเพื่อฟื้นฟูร่างกายควบคู่ไปกับการรับประทานยาสมุนไพรพื้นบ้าน

