บูดูสายบุรี วิถีชีวิตชุมชน

การทำมาหากิน อาชีพปัตตานี
ปะเสยะวอ
สายบุรี

เริ่มทำอาชีพปลากะตัก ในตอนนั้นนางเจะวอ ไม่มีงานทำ ก็มีคนแนะนำให้ซื้อปลาสดมาต่อยอดเพื่อสร้างอาชีพ ก็ได้ลองทำโดยการซื้อปลาแล้วนำปลาไปต้ม จากนั้นเอาปลาไปตาก หากวันไหนได้ปลาเยอะจะนำไปทำบูดู ทำให้สร้างรายได้ อีกทั้งสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนอีกด้วย

คุณอัลชลี หะแว ประธานสตรี หมู่ที่ 2 ตำบลปะเสยะวอ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนชุมชนบ้านบนหมู่ 2 เป็นที่ราบสูงชาวบ้าน ส่วนใหญ่ทำการเกษตรมีอยู่ครั้งหนึ่งน้ำคลองและน้ำทะเลไหลมารวมกันจึงเกิดเป็นน้ำกร่อย ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ทำให้ไม่มีอาชีพ จากนั้นคนในชุมชนก็เริ่มมาทำประมงพื้นบ้าน แม่บ้านก็หันมาสานกระจูด ฉีกใบจากตากขายเพื่อทำยาสูบ ส่วนนางเจะวอ อาแซมัว ไปรับปลาจากเถ้าแก่เรือปลา เป็นคนแรกเริ่มการทำปลากะตัก และบูดูเพื่อสร้างอาชีพแก่ตนเองจากนั้นชุมชนจึงเริ่มหันมาทำบ้าง เมื่อเห็นว่าสามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวได้เป็นอย่างดี

นางเจะวอ อาแซมัว เล่าว่า ที่เริ่มทำอาชีพปลาไส้ตันหรือเรียกอีกอย่างว่า ปลากะตัก ในตอนนั้นนางเจะวอ ไม่มีงานทำ ก็มีคนแนะนำให้ซื้อปลาสดมาต่อยอดเพื่อสร้างอาชีพ ก็ได้ลองทำโดยการซื้อปลาแล้วนำปลาไปต้ม จากนั้นเอาปลาไปตากจนกลายเป็นปลากะตักตากแห้งจนถึงทุกวันนี้ ทำให้สร้างรายได้ อีกทั้งสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนอีกด้วย เพราะคนในชุมชนสามารถมาช่วยทำปลา โดยมีค่าจ้างค่าทำปลา 1 กะบะ (กะละมังขนาดใหญ่) 60 บาท วิธีการทำปลากะตักตากแห้ง ก็จะเอาปลาไปต้มแล้วใส่เกลือ จากนั้นก็นำปลาไปตากแห้งระยะเวลาในการตากก็แล้วแต่แดดในแต่ละวัน ปลาเล็กตาก 1 วัน ถ้าปลาขนาดใหญ่หน่อยก็ 2 วัน ซึ่งการทำปลากะตักตากแห้งนั้น ปลา 1 กะบะ จะใช้ที่ตาก 6 แผ่น หากวันไหนได้ปลาเยอะจะนำไปทำบูดู เพราะบูดูนั้นสามารถทำได้ทุกฤดูกาล วิธีการทำจะนำปลากะตักสดล้างให้สะอาดแล้วคลุกเคล้ากับเกลือจนเข้ากัน จากนั้นไปใส่ในบ่อซีเมนต์สำหรับหมัก ใช้กระสอบปุ๋ยที่ยังไม่ได้ใช้งานคลุมปิดก่อน แล้วจึงโบกฝาภาชนะปิดมิดชิดด้วยปูนซีเมนต์ หมักไว้ประมาณ 7-10 เดือน นางเจะวอ กล่าวว่า บูดูจะอร่อยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปลาที่ทำ ถ้าปลาสดบูดูจะหอม อร่อย

เรียบเรียงโดย อัญญ์ณิชตา รุ่งวิชานิวัฒน์