หลวงพ่อทุ่งคาเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 55 ซม. สูง 71 ซม. เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงตั้งข้อสังเกตว่าในสมัยนั้นนิยมสร้างพระพุทธธูปเกศามาลาเป็นต่อมสั้พระกรรณยาว ขมวดเกศาเล็กละเอียดและมีอุณาโลมหรือใบโพธิ์ติดอยู่ด้านหน้าเกศามาลา พระหัตถ์ และพระบาทได้ส่วนกับพระวรกาย ฐานล่างทำง่ายๆ ไม่มีชั้นเป็นกลีบบัว
นายสุริย์ คงคากุล เล่าว่า หลวงพ่อทุ่งคาเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 55 ซม. สูง 71 ซม. เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงตั้งข้อสังเกตว่าในสมัยนั้นนิยมสร้างพระพุทธธูปเกศามาลาเป็นต่อมสั้น พระกรรณยาว ขมวดเกศาเล็กละเอียดและมีอุณาโลมหรือใบโพธิ์ติดอยู่ด้านหน้าเกศามาลา พระหัตถ์ และพระบาทได้ส่วนกับพระวรกาย ฐานล่างทำง่ายๆ ไม่มีชั้นเป็นกลีบบัว เสด็จในกรมทรงสันนิษฐานว่าเป็นศิลปะอินเดียผสมเชียงแสนและน่าจะสร้างในศตวรรษที่ 17 ประมาณ พ.ศ. 1745 นัยว่ามี 2 องค์ที่วัดบูรพารามเป็นองค์ใหญ่และที่อำเภอปะนาเระเป็นองค์เล็ก ซึ่งพุทธลักษณะทั้ง 2 องค์เหมือนเป็นลักษณะสองพี่น้องแต่องค์น้องได้ถูกโจรกรรมไปแล้วตามตำนานมีผู้เล่าให้ฟังต่อ ๆ กันมาว่าพระพุทธรูปนี้มี 2 องค์ ด้วยกันมีองค์ใหญ่และองค์เล็กทั้งสององค์ขี่ฆ้องลอยมาในคลองยะหริ่ง องค์พี่ลอยมาใกล้วัดทุ่งคาชาวบ้านเห็นจึงอัญเชิญมาไว้ที่วัดทุ่งคา องค์น้องขี่ฆ้องลอยไปที่อำเภอปะนาเระก็ได้อัญเชิญไปที่วัดท่านาว อีกนัยหนึ่งว่าพระพุทธธูปองค์ใหญ่จมอยู่ในคลองใต้ต้นตะเคียนใหญ่มีคนไปทอดแหบริเวณนั้น พระพุทธธูปติดแห ชาวบ้านลงไปปลดและช่วยกันนำไปไว้ใต้ต้นตะเคียนใหญ่พระสงฆ์และชาวบ้านวัดทุ่งคาจึงอัญเชิญไปไว้ที่วัดทุ่งคาจึงเรียกชื่อว่า “หลวงพ่อทุ่งคา” ประดิษฐานที่วัดทุ่งคา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2297 หลังจากที่ประชาชนชาวไทยพุทธ ที่ชนะศึกสงครามการปราบกบฏ 4 หัวเมืองมลายู ประกอบด้วย เมืองกลันตัน เมืองตรังกานู เมืองสายบุรีและเมืองปัตตานี เมื่อ พ.ศ. 2329 แล้วนั้น ชาวไทยพุทธที่มีชัยชนะสงครามปราบกบฏพร้อมด้วยชาวไทยเชื้อสายจีนที่นับถือศาสนาพุทธลงความเห็นกันว่าจะสร้างวัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง) สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2330 และได้นิมนต์เจ้าอาวาสวัดทุ่งคา (ซึ่งขณะนั้นเหลือเจ้าอาวาสอยู่เพียงองค์เดียวเสนาสนะก็กำลังทรุดโทรม) มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกพร้อมทั้งได้อัญเชิญหลวงพ่อทุ่งคามาไว้ในโบสถ์วัดกลางเพื่อเป็นประธานในการดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาด้วย หลวงพ่อทุ่งคาประดิษฐานอยู่ที่วัดทุ่งคาประมาณ 33 ปี ครั้นสิ้นสมัยของเจ้าเมืองยะหริ่งที่เป็นไทยพุทธ 2 คน คือพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีสรีสงคราม (ไภ่) และพระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสงคราม (ยิ้มซ้าย) พ.ศ. 2357-2391 วัดกลางก็ค่อยๆ เสื่อมลงและอีก 20 ปีต่อมาคือ พ.ศ. 2411 วัดกลางก็ร้างลงหลวงพ่อทุ่งคาจึงถูกอัญเชิญมาไว้ที่วัดบูรพารามจนถึงปัจจุบันรวมเวลา 818 ปี

