สมัยก่อนชาวจีนที่มีการอพยพมาอาศัยอยู่ที่ปัตตานี เมื่อจะทำการประกอบอาชีพอะไรหรือจะทำการค้าขายที่เมืองปัตตานี คนจีนจะมาขออนุญาตจากเจ้าเมืองปัตตานีก่อนทุกครั้ง
เรื่องเล่าปัตตานี
ชุมชนกือดาจีนอ (ชุมชนตลาดจีน) หรือชุมชนหัวตลาด ตั้งอยู่พื้นที่ถนนอาเนาะรู ถนนปัตตานีภิรมย์ และถนนฤาดี ชุมชนที่นี้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยร่วมกันของชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน
ชุมชนจีนหรือชุมชนกือดาจีนอว่า เป็นชุมชนที่มีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวไทยมุสลิม มีการอยู่ร่วมกันในชุมชนแห่งนี้อย่างพี่อย่างน้อง
ปอเนาะนูรุลอิสลาม เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาของชาวมุสลิมในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างก่อน ปี พ.ศ. 2463 ซึ่งคำว่า นูรุลอิสลาม มีความหมายว่า "รัศมีแห่งอิสลาม"
นายอรรถพร อารีหทัยรัตน์ เล่าว่า แหล่งการเรียนรู้ทางด้านศาสนาของคนในเมืองปัตตานี ก็จะเป็นวัดบางน้ำจืดหรือวัดตานีนรสโมสรในสมัยปัจจุบัน สมัยนั้นการศึกษายังไม่มาก เด็กส่วนใหญ่จะเรียนโรงเรียนวัด
ผู้เล่าเป็นนักเรียนโรงเรียนวรคามินอนุสรณ์ ในช่วงปี พ.ศ. 2505 - 2516 ซึ่งนางสาวสมประสงค์ อาลีอิสเฮาะ ได้เล่าว่า สมัยก่อนถ้านึกถึงโรงเรียนเอกชนเก่าแก่ คือ โรงเรียนวรคามิน
พิพิธภัณฑ์พระเทพญาณโมลี ตั้งอยู่ในสถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ก่อตั้งขึ้นด้วยการเก็บรวบรวมศิลปวัตถุและโบราณวัตถุของพระเทพญาณโมลี (เกตุ ธรรมรัชชะ) เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร จังหวัดปัตตานี โดยท่านได้บริจาคทุนทรัพย์ และโบราณวัตถุให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เช่น เหรียญตรา ธนบัตร เครื่องถ้วย พระพุทธรูป เทวรูป พระเครื่อง และเครื่องใช้ส่วนตัวของพระเทพญาณโมลี
เรือนไทยมุสลิมอายุร่วมร้อยปีในเมืองเก่ายะรัง จังหวัดปัตตานี ที่มีศิลปะการตกแต่งตัวเรือนด้วยลายไม้แกะสลัก
กริชปัตตานี ที่ผลิตในปัตตานีนั้น มักทำฝักด้วยไม้ บางครั้งจะเรียกว่า กริชปกากะหรือ กริชปกากา เพราะด้ามจะคล้ายหัวนก พังกะ ตากริชจะยาวกว่ากริชอื่น ที่มีขนาดเดียวกัน ส่วนประกอบจะมีด้วยกัน 3 ส่วน คือ ด้ามหรือหัว (ฮูลู) ใบหรือตา (มาตา) และฝัก (ซารง) กริชจะมีหลายแบบหลากหลายชนิด มีแบบใบคดและไม่คด มีคดน้อยจนถึงหลายๆคด และมีความยาวไม่เท่ากัน ด้ามของกริชสามารถหมุนได้ กริชปัตตานีเดิมจะดูได้จากกริชที่มีกระดูกสันหลัง
เรือนไทยมุสลิมริมแม่น้ำปัตตานี ที่มีศิลปะการตกแต่งตัวเรือนด้วยลายไม้แกะสลักที่สวยงาม

